[TouRabu AuFic][MikanBa]ดวงใจศาสตรา – บทที่ 1

[Fic Touken Ranbu] ดวงใจศาสตรา(ชื่อชั่วคราวหรืออาจไม่มีชื่อ…)

Paring : Mikazuki Munechika x Yamanbakiri Kunihiro

Rate : PG , Romantic comedy(?) , AU , พีเรียดไทย

Author   : พืชน้ำ(PhuchNam)

Warning 

                       ฟิคเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเซ็ตภาพดาบไทยพีเรียดของคุณโค่ cocolu โดยได้รับการอนุมัติแล้วในการนำเนื้อหาคร่าว ๆ ที่คุณโค่อธิบายเอาไว้ใต้ภาพมาขยาย+ผสมกาวเจ้มจ้นจนเป็นเรื่องราวขำ ๆ สโลว์ไลฟ์อย่างที่เห็น…

                       แต่!!ขอให้ถือว่าเป็นคนละจักรวาลของคุณโค่ เพราะเราเพียงแค่นำเรื่องย่อของคุณโค่มาเป็นเส้นเรื่องหลักเท่านั้น และที่สำคัญหลุดคาร์แน่นอน โปรดใช้จักรยานในการอ่าน…

หมายเห็ด : อย่าลืมเข้าไปติดตามงานต้นฉบับของคุณโค่กันนะคะ >> จิ้ม

 

**************************************

บทที่ 1 แรกพบ

“แต่งงานงั้นหรือ?”ประโยคคำถามถูกเอ่ยออกมาจากปากบุรุษเรือนผมสีราตรีผู้เป็นพี่ใหญ่และเจ้าของเรือน เจ้าพระยาเสี้ยวจันทร์วางจอกชาไว้บนโต๊ะก่อนจะผินไปมองน้องชายต่างมารดาผู้ที่กำลังจะเป็นว่าที่เจ้าบ่าวในอีกไม่กี่เพลา

“ใช่แล้วขอรับ”ผู้มีศักดิ์ด้อยกว่าตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ อีกฝ่ายดูท่าจะแปลกใจไม่น้อยที่จู่ ๆ วันนี้ก็มาถึงเร็วกว่าที่คิด ราวกับว่าเรื่องเมื่อครั้งที่หมออิทธิพัทธ์เล่าให้ตนฟังว่าไปติดใจเข้ากับหมอตำแยสาวคนหนึ่งเพราะถูกด่าเปิงมานั้นเพิ่งผ่านมาได้เพียงไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น

“น่าอายเสียจริง ทั้งที่ข้าเป็นพี่ใหญ่แท้ ๆ แต่กลับถูกน้องชายอย่างเจ้าชิงแต่งงานก่อนเสียได้”ได้แต่บ่นพลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย คนฟังถึงกับเกือบสำลักน้ำชาเมื่อได้ยินว่าคนที่ไม่เคยสนใจเรื่องความรักอย่างเจ้าพระยาเสี้ยวจันทร์มาบ่นเรื่องแต่งงานราวกับทุกวันนี้ไม่มีหญิงใดในพระนครชายตาแลเจ้าพระยาหนุ่มรูปงามผู้นี้เลย

“อันที่จริงแล้วท่านพี่เองก็เป็นถึงเจ้าพระยา เป็นที่ต้องการของหญิงสาวทั่วทุกหนแห่ง ข้าว่าท่านพี่เป็นฝ่ายเลือกมากมากกว่านะขอรับ”หมอหนุ่มหรี่ตามองผู้เป็นพี่ชายที่ดูจะไม่ยี่หระกับชีวิตทั้งที่อายุอานามก็มากขึ้นทุกวัน ดูสิดู… ทั้งที่เมื่อกี้เพิ่งจะบ่นเรื่องที่ถูกตนชิงแต่งงานก่อนไปแท้ ๆ แต่ตอนนี้กลับนั่งดื่มชาสบายใจราวไม่เคยพูดอะไรแบบนั้นออกไป

“ฮะ ๆ ๆ ๆ ๆ ข้าน่ะไม่ได้สนใจยศเจ้าพระยาอะไรนั่นหรอก ตอนนี้แค่รู้สึกว่ายังไม่มีสตรีนางใดมาทำให้ข้าหวั่นไหวได้ก็เท่านั้นเอง”ก็อาจจะจริงอย่างที่คนอายุมากกว่าว่า เพราะการที่ทำงานในวังหลวงนั้นต้องเจอกับคนมากหน้าหลายตา ไม่ว่าจะเป็นเหล่าสตรีชั้นสูงหรือว่าลูกขุนนาง มีหรือที่คนอย่างเจ้าพระยาเสี้ยวจันทร์จะไม่เคยพบปะมาก่อน

จริงอยู่ที่หมออิทธิพัทธ์นั้นปรารถนาดีอยากให้พี่ชายต่างมารดาของตนนั้นได้เป็นฝั่งเป็นฝากับเขาเสียที จะได้ไม่ต้องมาคอยกังวลว่าพอเวลาแก่ตัวไปแล้วจะไม่มีใครดูแล แต่ถึงกระนั้นก็ไม่อยากจะไปบังคับหรือเร่งเร้าอะไร อีกทั้งขืนพูดเรื่องนี้ไปมาก ๆ ถ้าบิดามารดาได้ยินเข้ามีหวังพี่ชายคนโตจะต้องถูกจับคลุมถุงชนเป็นแน่… ไม่ไหว ๆ ทำอะไรไม่ได้เลยสินะ ได้แต่คิดแบบนั้นในใจก่อนลอบส่ายหน้าช้า ๆ เป็นการไล่ความคิดพิเรนทร์เหล่านั้นออกจากหัว

“จริงด้วยสิ เรื่องงานแต่งเจ้ามีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่?”คนยศสูงเสนอตัวเข้าช่วยตามประสาพี่ใหญ่ อีกฝ่ายเมื่อได้ยินดังนั้นก็นึกขึ้นมาได้ว่ากำลังรอให้พี่ชายพูดแบบนี้อยู่พอดีจึงได้วางจดหมายซองสีขาวไว้บนโต๊ะตัวเตี้ย นัยเนตรสีน้ำเงินประดับจันทร์เสี้ยวเหลือบมองจดหมายฉบับนั้นด้วยความฉงนสนเท่ แต่ก็ไม่อยากเปิดอ่านให้เสียมารยาทจึงได้แต่หยิบจอกชาขึ้นมาจิบช้า ๆ

“ถ้าเจ้าจะส่งจดหมายทำไมไม่วานให้บ่าวไพร่เอาไปส่งให้เสียเล่า? หรือว่านี่จะเป็นจดหมายสำคัญ?”แม้จะบ่นเยี่ยงคนแก่แต่เจ้าพระยาเสี้ยวจันทร์ก็จัดการพับซองจดหมายเก็บไว้ในชุดราชปะแตนสีขาวสะอาดเป็นการกล่าวนัยๆว่า’จะรับฝากจดหมายนี้ไว้ให้ก่อน’ คุณหมอว่าที่เจ้าบ่าวเห็นดังนั้นก็ได้แต่ยิ้มน้อยๆก่อนตอบพี่ชายต่างมารดาออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบดั่งเช่นเคย

“แน่นอนขอรับ กระผมอยากจะไหว้วานให้ท่านพี่ช่วยส่งจดหมายนี้ให้ถึงมือคุณหนูยมลภา นครไพศาลให้เร็วที่สุด เธอจะรู้เองว่าควรทำเช่นไรเมื่อได้อ่านจดหมายฉบับนี้”เมื่อฟังจบคนถูกไหว้วานก็พยักหน้ารับทันที เห็นดังนั้นผู้เป็นว่าที่เจ้าบ่าวก็โล่งใจ ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่ามีสาวน้อยร่างเล็กเรือนผมสีเขียวเข้มกำลังยืนรอเขาอยู่ที่ชานเรือน มือหนาหยิบฉวยกระเป๋ายาเตรียมตัวจะไปทำงานด้วยสีหน้าเปี่ยมล้นไปด้วยความสุขอย่างปิดไม่มิด

 

หลังจากเสร็จราชการที่วังหลวง เจ้าพระยาเสี้ยวจันทร์ก็ตรงดิ่งไปที่เรือนนครไพศาลทันทีเพื่อส่งจดหมายให้คุณหนูยมลภาตามคำขอของหมออิทธิพัทธ์ผู้เป็นน้องชายต่างมารดา คนยศสูงเคยได้ยินชื่อตระกูลนครไพศาลมาผ่าน ๆ ว่าเป็นตระกูลค้าขายที่ไม่ได้มียศ มีศักดิ์อะไรจึงอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดน้องชายต่างมารดาของตนถึงมีธุระกับคุณหนูของตระกูลนี้ได้ หรือจะเป็นคนไข้เก่าที่เคยช่วยเหลือกันมานาน? ยิ่งคิดยิ่งขี้เกียจเดา ขอไปดูให้เห็นกับตาจะดีกว่าว่าเหตุใดหมออิทธิพัทธ์ถึงรีบร้อนให้เขานำจดหมายฉบับนี้มาส่งถึงมือคุณหนูแห่งตระกูลนครไพศาลกันนัก

“ท… ท่านเจ้าพระยาเสี้ยวจันทร์!? ม… ไม่ทราบว่ามีกิจอันใดที่นี่หรือขอรับ?”บ่าวไพร่บริเวณนั้นเมื่อเห็นหน้าเขาก็ถึงกับกุลีกุจอเข้ามาต้อนรับกันอย่างพร้อมเพรียง บางคนก็ถึงกับหอบลูกหอบเต้ามาต้อนรับด้วย ดูท่าว่าที่นี่คงมีแขกสำคัญมาไม่ค่อยบ่อยสินะพวกบ่าวไพร่ถึงได้ดูตื่นเต้นกันถึงเพียงนี้

“ข้ามีจดหมายที่ต้องส่งให้ถึงมือคุณหนูยมลภา ให้ข้าเข้าไปพบคุณหนูได้หรือไม่?”เจ้าพระยาเอ่ยยิ้มๆพร้อมหยิบเอาจดหมายในเสื้อราชปะแตนออกมาให้ดูเป็นหลักฐาน เสียงจ้อกแจ้กจอแจของบ่าวไพร่ยังคงมีมาเป็นระยะ ๆ แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดให้คำตอบของคำถามที่เจ้าพระยาเสี้ยวจันทร์ถามไว้ได้เลย

“บ… บ่าวจะพาท่านขึ้นไปหาคุณหนูเองเจ้าค่ะ!!”จู่ ๆ ก็มีเสียงตอบรับของหญิงชราร่างท้วมที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าบ่าวไพร่ พูดจบนางก็รีบเดินแหวกทางเหล่าบ่าวไพร่มาหาบุรุษในชุดราชปะแตนทันที มือเรียวของชายหนุ่มพับจดหมายเก็บเอาไว้ที่เดิมก่อนจะผายไปด้านข้างลำตัวเป็นเชิงบอกให้หญิงชรานำเขาขึ้นไปบนเรือน เจ้าพระยาเสี้ยวจันทร์ค่อย ๆ ก้าวขึ้นบันไดอย่างระมัดระวังพร้อมกำไม้เท้าในมือเอาไว้แน่น จนในที่สุดก็ก้าวพ้นธรณีประตูขึ้นมาได้

“ท่านเจ้าพระยารอซักครู่นะเจ้าคะ บ่าวจะไปตามคุณหนูมาให้”ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนตัดสินใจนั่งรออยู่ที่ศาลากลางเรือน สายตาจับจ้องไปที่หญิงชราผู้นั้นที่กำลังเดินไปยังห้อง ๆ หนึ่งซึ่งถ้าให้เดาคงจะเป็นห้องของคุณหนูยมลภา ดูท่าคุณหนูผู้นี้จะเป็นพวกขี้อายกว่าที่เขาคิดเสียอีก

มือเหี่ยวย่นของหญิงชราเคาะประตูเป็นจังหวะพลางร้องเรียกคุณหนูของบ้านนครไพศาล แต่ไร้ซึ่งสุรเสียงตอบกลับมา ก่อนที่เจ้าพระยาเสี้ยวจันทร์จะตัดสินใจลุกขึ้นเพื่อเดินไปหาหญิงชราประตูบานนั้นก็เปิดออกเผยให้เห็นหญิงสาวรูปร่างบอบบางผู้มีเรือนผมสั้นสีทองสว่างถูกซ่อนภายใต้ผ้าแพรผืนเก่าโทรม ๆ

“บ่าวจะไปยกของว่างมาให้นะเจ้าคะ”เธอค้อมหลังให้หญิงสาวผู้เป็นนายก่อนจะเดินลงจากเรือนไปอย่างเงียบ ๆ นัยเนตรสีครามประดับจันทร์เสี้ยวมองใบหน้างดงามภายใต้ผ้าคลุมไม่วางตา ราวกับว่าไม่สามารถปฏิเสธความงดงามของอิสตรีตรงหน้าได้เลย

เมื่อรู้ตัวว่าถูกจับจ้องราวกับเป็นลูกกวางน้อยเช่นนั้น คุณหนูยมลภาก็กระแอมไอขึ้นมาเบา ๆ เป็นเชิงเรียกสติคนอายุมากกว่า มือขาวกระชับผ้าแพรให้ปกคลุมใบหน้าของตัวเองมากขึ้นไปอีกเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเห็นใบหน้าของตนเองเด่นชัดเกินไป เรียวขางามก้าวขึ้นไปบนศาลาก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับแขกผู้มาเยือน

“ท่านเจ้าพระยามีธุระอะไรที่นี่หรือเจ้าคะ?”ริมฝีปากบางเอื้อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน มิหนำซ้ำสายตายังจงใจหลบเลี่ยงอย่างเห็นได้ชัด แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็ยังพยายามไม่สนใจแล้วยื่นซองจดหมายที่ได้รับฝากมาให้หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าทันที

คุณหนูยมลภารับจดหมายมาก่อนจะค่อย ๆ เปิดมันอ่านอย่างตั้งใจ เมื่ออ่านจบเธอก็พับจดหมายเก็บใส่ซองเอาไว้อย่างเรียบร้อยตามเดิมแล้วค่อย ๆ ลุกออกไปโดยไม่บอกอะไรชายหนุ่มผู้มาเยือนเลยซักคำ แน่นอนว่าการกระทำต่าง ๆ ของเธอนั้นนำมาซึ่งความสงสัยให้แก่เจ้าพระยาเช่นเขา ดังนั้นเมื่อเห็นเธอเดินเข้าห้องไปลับตาแล้วชายหนุ่มก็ได้แอบหยิบจดหมายขึ้นมาอ่านทันที

 

ถึงคุณหนูยมลภา

ข้าขอขอบคุณคุณหนูเป็นอย่างมากที่ให้เกียรติปักสไบเจ้าสาวหรับงานมงคลระหว่างข้าและแม่อ้อย และต้องขออภัยคุณหนูด้วยที่ต้องบอกว่าตัวข้านั้นมิสามารถไปดูความคืบหน้าของผ้าสไบและรับมันด้วยตนเองได้ เนื่องจากในระยะนี้มีโรคระบาดเกิดขึ้นทำให้ทั้งข้าและแม่อ้อย รวมทั้งหมอคนอื่น ๆ ต่างก็มีงานมากขึ้นเป็นเท่าตัว ดังนั้นข้าจึงขอให้พี่ชายต่างมารดาของข้า ’เจ้าพระยาเสี้ยวจันทร์’ เป็นผู้ไปดูความคืบหน้าของผ้าแทน และเมื่องานเสร็จเมื่อไหร่เขาก็จะเป็นผู้ที่รับมันกลับไปด้วย หวังว่าคุณหนูคงไม่ขัดข้อง

ด้วยความเคารพ

หมออิทธิพัทธ์

 

แม้จะรีบอ่านจนไม่ได้ใส่ใจทุกตัวอักษร แต่เจ้าพระยาเสี้ยวจันทร์ก็พอจะรู้ที่มาที่ไปของเรื่องทั้งหมดแล้ว เมื่อรู้ดังนั้นจึงพับจดหมายเก็บใส่ซองตามเดิมก่อนวางกลับคืนเอาไว้ในที่ ๆ มันควรอยู่ และไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นเสียงเปิดประตูไม้ก็ดังมาจากทางด้านหลังเป็นสัญญาณว่าคุณหนูผู้แสนขี้อายคนนั้นออกมาแล้ว

เจ้าของเรือนผมสีราตรีหันไปมองตามร่างเล็กในชุดผ้าสไบสีฟ้าอ่อนที่ค่อย ๆ เดินอ้อมไปยังอีกฝั่งของศาลาก่อนทรุดลงนั่งฝั่งตรงข้ามเขาในที่ที่เดิมที่เธอเคยนั่งอยู่ มือเรียวบรรจงยื่นผืนผ้าสไบปักดิ้นทองวางไว้ตรงหน้าคนยศสูง อีกฝ่ายหยิบมันขึ้นมาพินิจพิจารณาดูโดยที่ยังไม่ได้คลี่มันออก

“เจ้าทำเสร็จแล้วหรือ?”ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินคำถามจากชายหนุ่ม เขาไม่ได้ปั้นหน้าน่ากลัวราวกับยักษ์มาร หรือไม่ได้ถามเสียงดังโฉ่งฉ่างเช่นพี่ชายคนโตของเธอ แต่ด้วยความที่ไม่ชินกับการที่ต้องมานั่งคุยกับบุรุษเพียงสองต่อสองทำให้คุณหนูผู้ไร้เดียงสาแห่งบ้านนครไพศาลถึงกับตกใจเอาง่าย ๆ เลยทีเดียว

“ย… ยังไม่เสร็จหรอกเจ้าค่ะ… ดิฉันเพิ่งเริ่มทำได้ไม่เท่าไหร่เอง…”

“งั้นรึ น้องชายข้ามาสั่งเจ้าไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ?”ผ้าสไบถูกคลี่ออกเพื่อดูรายละเอียดของเนื้องานพร้อมกับการที่เจ้าพระยาเสี้ยวจันทร์พยายามจะหาเรื่องชวนหญิงสาวขี้อายคุยเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศตึงเครียดลง

“จริง ๆ แล้วท่านหมอฝากสั่งผ่านพี่ชายของดิฉันมา… ตั้งแต่เมื่อ3วันที่แล้วนี่เอง…”แม้จะยอมเปิดปากพูดกับเขาแล้ว แต่หญิงสาวก็ยังคงก้มหน้า ก้มตา ซ้ำสองมือยังขยำผ้าโจงกระเบนอยู่ใต้โต๊ะ เธอทำราวกับว่าชายหนุ่มนั้นไม่รู้ไม่เห็นในสิ่งที่เธอกำลังทำ

เมื่อพิจารณาดูผ้าสไบดี ๆ แล้ว รายละเอียดส่วนดิ้นทองที่ปักลงไปนั้นช่างงดงามเสียเหลือเกิน งดงามไม่แพ้ดวงหน้าของผู้ปักเลย แต่เมื่อผินมามองผู้หญิงสาวผู้ที่ปักผ้าผืนนี้แล้ว… เหตุใดจึงต้องนำผ้าแพรมอ ๆ ผืนนั้นมาบดบังความงดงามของใบหน้าตนเองด้วยนะ ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ แต่ว่า… เพราะเหตุนั้นแหละเจ้าพระยาเสี้ยวจันทร์ถึงได้นึกอยากจะเล่นอะไรสนุก ๆ ขึ้นมา แม้จะไม่เหมาะกับวัยของตนซักเท่าไหร่แต่ก็ตอนนี้ก็อยู่กันแค่สองต่อสอง ไม่เป็นไรกระมัง

“ขออภัยที่ให้รอนะเจ้าคะ”หญิงชราคนเดิมส่งเสียงดังมาตั้งแต่ตีนบันได ขนมหวานอันเป็นของว่างอย่างบุหลันดั้นเมฆถูกยกมาวางไว้บนโต๊ะตัวเตี้ยกลางศาลาพร้อมน้ำสมุนไพร ชายหนุ่มยกยิ้มให้หญิงชราและบ่าวไพร่อีก2-3คนที่นำของว่างมาให้ แต่ว่าเมื่อกี้เกือบไปแล้ว… ถ้าลงมือแกล้งคุณหนูของบ้านเร็วกว่านี้ล่ะก็ บ่าวไพร่พวกนั้นคงได้เห็นภาพน่าอายของเจ้าพระยาผู้สูงศักดิ์เป็นแน่… คิดพลางก็ได้แต่ลอบถอนหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะหันไปดูให้แน่ใจจริง ๆ ว่าไม่มีใครอยู่บนเรือนนี้แล้วนอกจากเขาและคุณหนูยมลภา

“สไบผืนนี้แม้จะยังปักไม่เสร็จดีแต่ก็ช่างงดงามเหลือเกิน”ผ้าสไบถูกคลี่ออกอีกครั้งต่อหน้าหญิงสาวผู้เป็นคนปักมัน หัวใจเธอเต้นระรัวด้วยความยินดีที่ชายสูงศักดิ์ผู้นี้ชื่นชมผลงานการปักผ้าของเธอ

“แต่ว่า…”ชายหนุ่มไม่ต่อพูด สายตาเหลือบมองมาทางยมลภาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ หญิงสาวเมื่อได้เห็นสายตาดุดันเช่นนั้นก็ถึงกับหยุดหายใจไปชั่วขณะ เพราะกลัวว่าจะถูกตำหนิอะไรแรง ๆ แล้วจะส่งผลกระทบไปถึงการงานของพี่ชายคนรองที่เป็นผู้ช่วยโปลิศอยู่ก็เป็นได้ แน่นอนว่าเธออาจจะคิดมากไปแต่คนมียศ มีศักดิ์เช่นนี้อาจจะทำอะไรที่เหนือความคาดหมายของเธออีกโดยที่ไม่ทันเฉลียวใจเลยด้วยซ้ำ

เจ้าพระยาเสี้ยวจันทร์ยังคงจ้องมองหญิงสาวไม่วางตา ทางฝ่ายยมลภาเองก็รอฟังคำตำหนิจากอีกฝ่ายอย่างใจจดใจจ่อเช่นกัน เธอกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคออย่างยากลำบาก เหงื่อกาฬไหลเป็นสายภายใต้ผ้าแพรคลุมหน้า ยิ่งได้เห็นปฏิกิริยาแบบนั้นจากหญิงสาวที่นั่งฝั่งตรงข้ามเจ้าพระยาเสี้ยวจันทร์ก็แลดูจะยิ่งพึงพอใจเป็นเท่าตัว

“ลายตรงนี้น่ะดูผิดรูป ผิดร่างไปหน่อยนะ แถมดิ้นก็หลุดลุ่ยถ้าไม่ดูใกล้ ๆ คงไม่เห็นเป็นแน่…”

“จ… จะผิดรูป ผิดร่างได้อย่างไร?! ในเมื่อดิฉันตรวจดูอย่างดีทุกฝีเข็ม!!”ไม่เพียงแต่พูดปากเปล่า แต่เจ้าของเรือนผมสีทองสว่างกลับยืนขึ้นแล้วรีบสาวเท้ายาวมานั่งเคียงข้างคนที่เอาแต่จ้องจับผิดเพื่อพิสูจน์ว่าผลงานของเธอนั้นไม่มีข้อผิดพลาดอย่างที่กล่าวหา

“เอ๊ะ… ก็ไม่ได้เบี้ยวนี่นา…”ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะเริ่มรู้สึกตัวถึงอะไรบางอย่างแล้ว

“ก็ไม่ได้เบี้ยวน่ะสิ แถมด้ายก็ไม่ได้ลุ่ยอยู่ด้วยนะ”คนขี้แกล้งระบายรอยยิ้มบนใบหน้าก่อนหันไปหาคนถูกแกล้งอย่างผู้มีชัย คุณหนูยมลภาถึงกับหน้าขึ้นสีด้วยความโกรธปนอาย ตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อ ท้องแม่แม้แต่พี่ชายต่างมารดาทั้งสองยังไม่เคยแกล้งตนแบบนี้เลยด้วยซ้ำ คน ๆ นี้มีสิทธิอะไรมาแกล้งเธอให้อับอายได้ถึงเพียงนี้?

“หากท่านตรวจดูความคืบหน้าเรียบร้อยแล้วดิฉันรบกวนขอผ้าคืนด้วย”หญิงสาวผู้กำลังอับอายจากการถูกแกล้งเอ่ยออกมาห้วน ๆ ราวกับมะนาวไม่มีน้ำแต่สายตากลับมองที่พื้นเรือน เห็นดังนั้นเจ้าพระยาเสี้ยวจันทร์ยิ่งรู้สึกเอ็นดูและอยากแกล้งเธอมากยิ่งขึ้นไปอีก

“ฮะ ๆ ๆ ๆ ๆ งั้นก็เอาไปสิ”ว่าพลางหัวเราะร่วนก่อนจะพับผ้าสไบแล้วยื่นให้ร่างบางที่ยืนหน้าแดง คิ้วขมวดเป็นปมอยู่ตรงหน้าเขา และเมื่อเธอกำลังจะเอื้อมมือมาหยิบคนขี้แกล้งก็ทำเป็นชักกลับราวจะหยอกล้อกับเด็กน้อยอยู่ก็ไม่ปาน

แย่งกันไปแย่งกันมา คุณหนูยมลภาเริ่มจะหมดความอดทนกับบุรุษตรงหน้า อยากจะตอกกลับแรง ๆ ให้ยิ้มไม่ออกยิ่งนัก แต่เรื่องโหดร้ายแบบนี้ก็ทำได้เพียงแต่คิดในใจ และในที่สุดหญิงสาวก็คว้าผ้าสไบเอาไว้ได้ แต่แรงดึงของบุรุษเพศย่อมมากกว่าทำให้ขาเล็ก ๆ ของเธอถึงกับเสียหลักล้มลงกลางศาลา

 

ปึ้ก!!

 

ทั้งที่ตัวเองเพิ่งจะล้มลงแท้ ๆ แต่ร่างกายของหญิงสาวกลับไม่มีความรู้สึกเจ็บเลย มันออกจะเหมือนกับมีเบาะแข็ง ๆ มารองเอาไว้เสียมากกว่า เธอค่อย ๆ ลืมตาช้า ๆ ก่อนหันไปมองซ้าย มองขวาแล้วพบว่ามีมือหนาของบุรุษเพศกำลังจับแขนอันผอมบางของเธอเอาไว้แน่น

“!!”ใบหน้าของคุณหนูยมลภายิ่งเห่อร้อนเข้าไปใหญ่ เมื่อพบว่าเจ้าพระยาเสี้ยวจันทร์แขกของเธอกำลังโอบประคองเธอเอาไว้ไม่ให้ล้มกระแทกไปกับพื้นเรือน เรือนร่างบอบบางหลับตาปี๋แล้วพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดจากพันธนาการของร่างสูง และแม้เขาจะไม่อยากปล่อยแต่สุดท้ายก็ต้องจำใจปล่อยเธอไปอยู่ดี

ตอนนี้คุณหนูแห่งบ้านนครไพศาลดีดตัวเองไปชิดกับเสาศาลาอีกฝั่ง สองมือกอดผืนผ้าสไบเอาไว้แน่นโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยซักนิดว่าผ้าแพรซอมซ่อที่ตนใช้ปิดบังใบหน้าได้ร่วงลงไปกองกับพื้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นตอนนี้เท่ากับว่ากำลังเปิดเผยใบหน้าอันงดงามราวกับเทพธิดาให้อีกฝ่ายเห็นโดยไม่ได้ตั้งใจ

เจ้าพระยาเสี้ยวจันทร์เมื่อได้เห็นใบหน้างดงามอย่างเด่นชัดก็ถึงกับใจเต้นไม่เป็นระส่ำ ที่ผ่านมาไม่เคยมีอิสตรีนางไหนทำให้จังหวะหัวใจของชายผู้สูงศักดิ์คนนี้เต้นผิดจังหวะแบบนี้มาก่อน ร่างสูงเผลอคิดว่าถ้าจ้องมองใบหน้างามนานไปกว่านี้อีกซักพักหัวใจของเขาจะต้องหยุดเต้นเป็นแน่

ในหัวของคุณหนูยมลภาตอนนี้เอาแต่คิดว่าจะต่อว่าชายผู้นี้อย่างไรดีจึงจะสาสมกับการที่ทำให้เธอต้องอับอายหลายซ้ำหลายซ้อน อกอิ่มกระเพื่อมตามการหอบหายใจรัว เมื่อเอามารวมกับใบหน้าที่แดงเป็นลูกตำลึงสุกในขณะนี้แล้วภาพตรงหน้าช่างยั่วยวนเสียเหลือเกิน จันทร์เสี้ยวสีทองคู่นั้นจ้องมองเข้าไปในลูกแก้วสีฟ้าใสคู่งามอย่างเนิ่นนานจนน่าใจหาย ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะเริ่มรู้ตัวแล้วว่าตนกำลังถูกโลมเลียทางสายตาอยู่

เมื่อได้สติเธอรีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องอย่างไม่คิดชีวิต เจ้าพระยาเสี้ยวจันทร์ทำท่าจะตามไปแต่ก็ต้องหยุดความคิดนั้นเอาไว้ วันนี้เขาแกล้งเธอพอแล้วและถ้าในภายหน้าถูกสั่งห้ามไม่ให้เฉียดเข้าใกล้เรือนนครไพศาลอีกล่ะก็ เขาคงไม่แปลกใจว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น

“ไว้คราวหน้าข้าจะมาดูความคืบหน้าของผ้าอีกนะ… คุณหนูยมลภา…”เจ้าของชื่อเอามือปิดหูนอนคลุมโปงอยู่บนเตียง พยายามทำเป็นไม่รับรู้ถึงคำบอกลาของเจ้าพระยาเจ้าเล่ห์คนนั้น ทางฝ่ายเจ้าพระยาเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับของอีกฝ่ายก็พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตัวเขาเองก็ไม่อยากจะต่อความยาว สาวความยืดจึงได้แต่บรรจงพับผ้าแพรผืนเก่าซอมซ่อที่เธอทำตกไว้ตรงศาลาแล้ววางมันไว้ที่หน้าห้องของเธอ ก่อนจะหยิบฉวยไม้เท้าค้ำยันประจำกายแล้วออกจากเรือนนครไพศาลไปอย่างเงียบเชียบ ทิ้งให้บุหลันดั้นเมฆของว่างจานสวยที่บ่าวไพร่ช่วยกันทำต้องเป็นหมันอย่างน่าเสียดาย

 

และนี่คือการพบกันครั้งแรก ของคุณหนูยมลภา นครไพศาลและท่านเจ้าพระยาเสี้ยวจันทร์…

 

TBC.

**************************************

Free Talk :

                       สวัสดีค่ะ พืชน้ำนะคะปกติเขียนฟิคอยู่ในเด็กดีค่ะ เพิ่งเคยออกสู่โลกภายนอกครั้งแรก 55555 5

                       อย่างที่บอกตอนต้นเรื่องค่ะว่าฟิคเรื่องนี้ออริจินอลไม่ใช่ของเราแต่เป็นของคุณโค่ cocolu แล้วเราไปขอคุณโค่เอามาแต่งเพิ่ม+ผสมกาวเข้าไปด้วย ทุกขั้นตอนได้รับการอนุญาตจากคุณโค่แล้วค่ะ //กราบ

                       หวังว่าทุกคนจะสนุกกับฟิคนะคะ ติดตามความเคลื่อนไหวได้ทางเพจพืชน้ำทางด้านข้าง หรือจะเมนชั่นคุยกันก็เชิญที่ทวิตเราได้เลยค่ะ @seaweedfiction